NOT KNOWN FACTUAL STATEMENTS ABOUT จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

Not known Factual Statements About จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

Not known Factual Statements About จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

Blog Article

ส่วนการรับบุตรบุญธรรมนั้น ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เคยระบุกับบีบีซีไทยว่า “คู่สมรสตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมก็สามารถตั้งครอบครัวและรับบุตรบุญธรรมได้ตามกฎหมายการรับบุตรบุญธรรมที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกหมวดหนึ่ง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสมรสเท่าเทียม”

และมีส่วนสำคัญเคาะเลือกชื่อผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่

การผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมจึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่สำคัญ และเป็นโอกาสของภาครัฐรวมถึงภาคธุรกิจที่จะดึงดูดกำลังซื้อของผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

การผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทยถือเป็นก้าวสำคัญและยกระดับความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเรื่องราวของสิทธิทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิทธิที่เท่าเทียมกันกับที่คู่สมรสตามกฎหมายเดิมนั่นเอง

ค้นพบ ! “เปราะอาจารย์แหม่ม” พืชถิ่นเดียวของไทย - ชนิดใหม่ของโลก

“ด้วยความที่ครอบครัวในสังคมไทยมีความยืดหยุ่นสูง ในครอบครัวที่มีลูกหลายคน พี่น้องที่เป็นผู้ชายแต่มีจริตแบบผู้หญิง หากไม่แต่งงานออกเรือน เขาก็ยัง [อยู่บ้าน ทำงาน] ช่วยเหลือพ่อแม่ไป แต่หากเป็นกะเทยและแต่งงานกับผู้หญิงอื่น ก็ย้ายไปเป็นแรงงานให้กับบ้านพ่อตาแม่ยาย ก็คือยังต้องคงทำหน้าที่ของผู้ชายอยู่ แต่ก็พบว่าผู้ชายที่มีจริตเป็นผู้หญิงบางคนก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโสด อาจจะมีความสัมพันธ์กับชายคนอื่นในหมู่บ้านแบบลับ ๆ สนุกสนานกันไป แต่ไม่ได้คิดจะเปิดเผยเป็นคู่ผัวเมียแบบที่เราเข้าใจในยุคปัจจุบัน”

ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ถูกเสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์และครม.

-ได้รับสิทธิ์การฟ้องหย่าเหมือนกับคู่สมรส และสามารถเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูต่อศาลได้ 

งานศึกษาเรื่อง “ความหลากหลายทางเพศในมิติประวัติศาสตร์สังคมมนุษย์” ของคณาจารย์ด้านสังคมศาสตร์ คณะครุศาสตร์ ม.ราชภัฎเลย สะท้อนให้เห็นว่า ผู้คนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้มีความหลากหลายทางเพศตั้งแต่ยุคโบราณ โดยพบว่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบันทึกเกี่ยวกับกะเทยในอาณาจักรเจนละที่ดูมีเสรีภาพในที่สาธารณะ

สำรวจทุนจีนเทากำลังย้ายฐานสแกมเมอร์ออกจากชเวโก๊กโก่ จริงหรือไม่ ?

เขาจึงมองว่าการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยนั้น เป็นชัยชนะของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศในสังคมไทยก็จริง แต่สิ่งนี้ไม่ได้การันตีว่าครอบครัวและสังคมจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะแนวคิดที่ถูกฝังมาตั้งแต่สมัยจอมพล ป.

ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต ได้มีการนำบทบัญญัติภายใน ป.พ.พ.มาใช้เท่าเที่จะไม่ขัดกับตัวร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต ตัวอย่างเช่น ให้นําบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยครอบครัวและบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิของคู่สมรสหรือสามี ภริยาตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายอื่นมาใช้บังคับแก่คู่ชีวิตด้วยโดยอนุโลม” และในหมวด จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ⅔ บิดามารดากับบุตร ที่ได้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วย บิดามารดา สิทธิและหน้าที่ของบิดามารดาและบุตร และความปกครอง มาใช้บังคับแก่คู่ชีวิตในกรณีที่ ฝ่ายหนึ่งเป็นชายและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นหญิง รวมทั้งบุตรของคู่ชีวิตนั้นมาใช้โดยอนุโลมเช่นเดียวกัน

ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ต่างก็ขอสงวนการแปรญัตติไว้ในหลายมาตรา

ทั้งคู่มองว่าการที่นายทะเบียนไม่สามารถจดทะเบียนสมรสให้กับตนและคู่รักเป็นการละเมิดสิทธิ์ จึงมีการร้องเรียนไปยังสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น จึงตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อทำการศึกษาข้อกฎหมายว่าการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันขัดต่อกฎหมายหรือไม่ แต่ด้วย ณ เวลานั้น มีแรงต้านจากผู้ไม่สนับสนุนที่มองว่าคู่รักเพศเดียวกันไม่สามารถ “สมรส” กันได้ รัฐบาลจึงเสนอร่างกฎหมาย “คู่ชีวิต” แยกออกจากกฎหมายสมรสที่มีอยู่เดิมโดยอ้างว่าป้องกันความไม่เห็นด้วยของผู้ไม่สนับสนุน

Report this page